รวม 3 บทกวี

-=< พ ร วั น เ กิ ด >=- อาทิตย์ฤทธิ์แรงแสงศรี สีแสงสุรีย์ สุรฤกษ์เบิกฟ้าตาวัน อาทิตย์ที่เถ้าเดือนธัน- วาคมอาถรรพณ์ อาทิตย์อุทัยไขแสง ไขศรีสู่เมืองเรืองแรง เรืองโรจน์โชติแดง ช่วงดังดวงพิทยาภรณ์ คือแก้วเก้าก้าวสู่กร สู่อ้อมอาทร สู่ถิ่นสู่ไทยผไทธรรม เจ้าเกิดมากลางเกลียวกรรม เกลียวปากกรากรำ ศึกกู้เสรีประชา ถ้วนห้าทศวรรษธันวา พระราชทานตรา บัญญัติรัฐธรรมนูญไทย ที่สิบธันวาสว่างไสว มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์การเมืองเหลืองแดง ด้วยเลือดด้วยเนื้อด้วยแรง ทวนโดมโถมแทง เพื่อธรรมธำรงคงทน คงค่าคงควรมวลชน ฝนห่าฝ่าหน ห่อนสิ้นห่อนสุดสืบสาย สืบศักดิ์สืบศรีปรีดิ์ปราย ปรายปรีดีหมาย สืบเจตน์จำนงเสรี แก้วเก้าเจ้าเกิดมาดี ท่ามกลางดังนี้ ตำนานหาญแห่งยุคสมัย แม้หนึ่งทศวรรษร่วมวัย เจ้าจงภูมิใจ จดจำสำนึกศึกษา เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ 10 ธันวาคม 2527
-=> ฝ า ก ไ ท ย <=- ไทยเอยจักฝากฟ้า แลดิน ดีฤา ฝนอาจท่วมธรณินทร์ สลับแล้ง ฝากลมฝุ่นราคิน ควันพิษ กลัวนา จักฝากน้ำเกรงแกล้ง เน่าร้ายแรงเกิน ฝากเพลินไปขึ้นกับ อเมริกา ไทยอาจด้อยพัฒนา รอบด้าน ฝากศักดินาพา มากไพร่ จักฝากขุนนางคร้าน บ่าวล้นจนตาย ฝากนายหน้าอีกทั้ง นายทุน เกรงจักเอาไทยหมุน มุ่งค้า ฝากอภิสิทธิ์ชนตุน อคติ จักฝากขุนศึกกล้า อาจกลุ้มเผด็จการ ไทยจักวานฝากไว้ ทางใด ไทยย่อมโทรมทรุดไป แน่แล้ว ไทยฝากประชาไทย โดยทั่ว เถิดนา ไทยย่อมเจริญผ่องแผ้ว สุขด้วยไทยเอง "คนไทย จงเจริญ" มติชน 30 ส.ค. 21
-=< มันจักต้องเป็นไปเช่นนั้น <=- ป่าเขาเขียวเข้มครึ้ม ไม้ทึบทึมอยู่ตามทาง ยอดสูงไม้ยูงยาง ระยับดอกระย้าดิน สายธารผสานทิพย์ หลั่งมาลิบลงไหลริน ไพเราะประหนึ่งพิณ เพียงวารีดุริยางค์ พร่างพรำหยดน้ำฟ้า ทั้งโลกหล้าแลเลือนลาง แจ่มใสสิเมฆจาง ชีวิตพืชก็ผลิพราว กงกรรมธรรมชาติ ประวัติศาสตร์นั้นเหยียดยาว ปัจจุบันมันปวดร้าว ทุรยุคถ่อยทารุณ ธรรมชาติที่ปราชัย ก็เพราะใครเนรคุณ ทาสวัตถุนายทุน คอยขยี้อยู่ทุกยาม เสียงปืนกลบเสียงป่า การเข่นฆ่าเข้าคุกคาม โสมมสังคมทราม สะท้านศัพท์เสียงจักรกล ป่าลึกเป็นป่าแล้ง ก็ด้วยแรงกิเลสดล ป่าดิบสันดานคน ลอบตัดโค่นโก่นทำลาย สายธารสิ้นอุทก สกปรกทั้งต้นปลาย เหลือส่ำทะเลทราย ไว้เป็นทรากกากแผ่นดิน ฟ้านี้บ่มีฝน สิ้นสายชลชเลริน เขาเขียวเทียมเมฆินทร์ ก็เลี่ยนโล้นศิลาแลง ไร่นาแลเรือกสวน ดินแล้วล้วนแตกระแหง กสิกรอ่อนโรยแรง มิอาจเพาะปลูกพืชพันธุ์ จักรกลก่นคำราม และคุกคามด้วยหมอกควัน มืดครึ้มทุกเขตขัณฑ์ มิรู้วันฤาค่ำคืน วันโลกาวินาศ ใครจักอาจขัดแข็งขืน ชนโฉดเขลาโหดหืน หื่นกระหายแลหิวโหย ดาวโลกสิแดงเลือด ระอุเดือดจนดิ้นโดย เบื้องนั้นอันโอดโอย คงอ้างคำกูทำนาย สุรเทพ โลหิตกุล วรรณศิลป์ธรรมศาสตร์

Back to Previous Page