วิวัฒนาการ

--------------- โดย อนุสรณ์ ลิ่มมณี =============== --------------- 1 แ ห ล่ ง ริ เ ริ่ ม --------------- กงล้อแห่งแรงวิวัฒน์ประวัติศาสตร์ พิมพ์รอยยาตรย่ำจากแหล่งรากฐาน รหัสอันอนารยะบรรพกาล จะจรดจารช่วงจริตซึ่งติดมา เมื่อหมู่ชนท้นทุกข์ในยุคหิน ตามถ้ำถิ่นเถื่อนแถวถึงแนวป่า เริ่มเรียนรู้โลก,เล่ห์วัยเวลา คือการกล้าก่อกฎขึ้นทดแทน แล้วเริงวารราวีล้างชีวิต รักษาสิทธิ์ป้องปวงสิ่งหวงแหน เพียงอาหารอันอาจจะขาดแคลน ก็โลดแล่นไล่ล่าด้วยอารมณ์ เหตุหื่นหรรษ์ครรลองการครองคู่ เปิดประตูสู่ทางที่สร้างสม รับหลักร่วมรวมพลังเป็นสังคม และระดมแรงโดยปกโพยภัย เป็นประเดิมเริ่มต้นของชนเผ่า จากลำเนาแหล่งนั้นความฝันใฝ่ สัญชาติญาณเชิงยุทธ์ฉุดหัวใจ จนเหิมให้อาจองก่อสงคราม หลังเสน่ห์เภรีซึ่งหรี่เสียง ผ่านพ้นเพียงบทเพลงน่าเกรงขาม ผู้พิชิตผู้ปราชัยเลือดไหลลาม ย้ำนิยามแห่งนิยายอันร่ายริน (ผมชอบบทกลอนของคุณอนุสรณ์ มาก เพราะสำนวนกลอนไพเราะ รื่นไหล และเล่มสัมผัสแพรวพราว ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร ในส่วนของสัมผัสสระช่วงแรก (คำที่ 3 กับ 4 ของวรรคที่ 1 และ 3 ของแต่ละบท) เขาก็พยายามหา และหาได้เป็นส่วนใหญ่ เช่น แห่ง-แรง ชน-ท้น หรรษ์-ครร เป็นต้น ในส่วนของสัมผัสสระช่วงหลัง (คำที่ 5 กับ 6 หรือ 5 กับ 7) นั้น ถ้าจะให้ดีต้องเป็น 5 กับ 7 ซึ่งกลอนชิ้นนี้เป็นสัมผัส 5 กับ 7 ถึง 23 วรรคจากจำนวนทั้งสิ้น 24 วรรค นับว่าโอเคเลย นอกจากนี้เขายังเล่นสัมผัสอักษรในแต่ละวรรคด้วย เช่น ถ้ำถิ่นเถื่อนแถวถึง เรียนรู้โลกเล่ห์(วัยเว)ลา การกล้าก่อกฎ โลดแล่นไล่ล่า(ด้วยอา)รมณ์ เป็นต้น แต่สุดยอดของสัมผัสอักษรนั้น คำที่ 2 ถึงคำที่ 5 ต้องเป็นสองคู่ เรียงสลับกัน ในที่นี้มีถึง 4 วรรค ที่เป็นไปตามนี้ คือ "แล้ว เริงวารราวี ..." (รว-รว) "และ ระดมแรงโดย..." (รด-รด) "จาก ลำเนาแหล่งนั้น..." (ลน-ลน) "สัญ ชาติญาณเชิงยุทธ์..." (ชย-ชย) สัมผัสแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ หรอก แต่ถ้าหาได้ละก็ เยี่ยมไปเลย!) ---------------- 2 พันธนาแห่งโซ่ตรวน ---------------- กระแสสายโศก,ศานติ์ช่วงกาลกัป โรยลำดับเดือนฤดูไม่รู้สิ้น สืบสื่อโซ่โลกีย์ให้ชีวิน ก่อนดับดิ้นการแสดงของแรงดล จากผู้พ่ายเพิ่มชั้นฐานันดร์ทาส เหงื่อยังหยาดหยัดเค็มและเข้มข้น พืชผลิตอุทิศสู่ทุกหมู่ชน เพื่อรับผลบาดแผลที่แส้โบย เขากดขี่กุมขังและบังคับ จนล้มหลับกับริ้วรอยหิวโหย วางวินัยใต้กรอบการกอบโกย บันดาลโดยถือประเด็นความเป็นนาย เหมือนหมอกเพลิงเริงเริ่มได้เติมเชื้อ ย่อมยืดเยื้อถึงระยะแผ่ขยาย ผลาญพลังสังคมล่มทะลาย อาจคลับคล้ายกาลวิบัติของสัตว์เมือง สลัดคา,ขื่อก่อแรงต่อต้าน ปลุกบันดาลด้วยกฎการปลดเปลื้อง เมื่อทาสทนทุกข์ถนัด,ทาสขัดเคือง ใครชำเลืองแลหา,ใครอาทร มารู้หลักศักดิ์ศรีของชีวิต มาซึ้งสิทธิ์สิ่งสุขซึ่งซุกซ่อน ไปเถิดทาสปลดแอกเคยแบกคอน ไปดับร้อนรับเล่ห์รสเสรี ------------ 3 กระแสศักดินา ------------ การเลิกล้มร่มมหาอาณาจักร เริ่มรูปลักษณ์ลัทธิตามวิถี วิสัยศูนย์ศักดินาครองธาตรี ประเพณีจำเนียรค่อยเปลี่ยนไป ขณะเขตเศรษฐกิจผลิตผล วางอยู่บนเบื้องฐานหลักการใหม่ ประชาคมขุนนางเกิดห่างไกล พำนักในไร่นาสร้างฐานันดร์ ด้วยคุ้นงานกร้านกลับพยับแดด แม้เผาแผดเพียงไหนผู้ใดหวั่น ชีพชาวนาชั่วฉนำหรือสำคัญ ต้องรับทัณฑ์อยู่ใต้เท้านายทุน ผืนแผ่นดินดงดานแมกม่านหมอก จากโตรกซอกสู่กระแสลำแควขุ่น มีสิทธิเพียงอาศัยพึ่งใบบุญ พอเจือจุนชีวีเท่าที่ควร เพียงผลัดกาลพฤติกรรมแห่งอำนาจ ช่วงวันวาดเวียนว่ายไปหลายส่วน ย่อมเชื่อมโยงโครงสร้างบางกระบวน ซึ่งชักชวนมวลชนเลือกหนทาง ฤกษ์รอยเท้าก้าวตามเพื่อความหวัง ลบพลังโลกทัศน์เคยขัดขวาง ศักดินาสว่างในสมัยกลาง ก็แลลางแหลกล่มจ่อมจมลง ---------- 4 ทัณฑ์นายทุน ---------- เร่งลีลาสภาวะศตวรรษ ให้รุดลัดเลาะแหล่งรับแรงหลง ละทิ้งถิ่นพื้นฐานดินดานดง ฝ่าฝุ่นผงผ่านป่าถึงนาคร เป็นเดิมพันอันอาจจะพลาดผิด หรือสัมฤทธิ์เริงฝันกว่าวันก่อน ยุคเครื่องยนต์กลไก,แสงไฟฟอน จะสั่งสอนสิทธิ์ซึ่งคนพึงมี เช่นปัจจัยแจกแจงการแข่งขัน ย่อมสร้างสรรค์สังคมอันข่มขี่ ผู้ถือทุนอาจถวิลโดยยินดี ขณะที่กรรมกรเริ่มร้อนรน คือเกณฑ์ขอบรอบรัฐเกิดขัดแย้ง การเสแสร้งสิ่งส่อความฉ้อฉล ระหว่างผู้มีทรัพย์ผู้อับจน ไม่มีหนทางเห็นความเป็นธรรม แนวโน้มเอียงเพียงพอจะต่อสู้ "ใครยอมอยู่อย่างทนให้คนย่ำ ใครต้องทนแค้นคับใครรับกรรม ใครเล่านำกำไรเพื่อใครกัน" เมื่อวิญญาณอารยะมันกบฎ หรือจะหมดพลังรุกที่บุกบั่น สำนึกในเกียรติศักดิ์คอยผลักดัน ให้ปลดทัณฑ์พันธะทรมาน ---------- 5 ห้วงอนาคต ---------- รอพิสุทธิ์ยุติธรรมมาสัมผัส ดำรงรัฐแหล่งใหม่แผ่ไพศาล ใช้ชีวิตอิสระเริงสราญ ลืมเหตุการณ์กลียุคเคยคุกคาม ถวิลจินตนาการความฝันใฝ่ ซึ่งใครใครก็ต้องจะมองข้าม นับนานเนิ่นแต่ถ้าพยายาม อาจติดตามถึงมันในบั้นปลาย ช่วงชีพชนม์คนแค่กระแสน้ำ อาจไหลล้ำล่องเลยระเหยหาย หรือรินโรยโดยตลอดก่อนวอดวาย ถึงจุดหมายมุ่งมาดและคาดเกณฑ์ ใช้ลำแข้งแกร่งฉกรรจ์พร้อมฝันฝ่า ด้วยดวงตาปราโมทย์การโลดเล่น อย่าคิดหวังว่าวัยจะใช้เวร ทางทุกเส้นสำหรับต้อนรับเรา บันไดเดินเผชิญโชคบนโลกกว้าง เว้นช่องว่างวกวนแก่คนเขลา ขณะฟ้าฟากนี้ทาบสีเทา จะคุกเข่ารอกรรมอยู่ทำไม เมื่อภาคโพ้นแผ่นดินไม่สิ้นแสง ห้วงฝันแห่งอนาคตยังสดใส เพื่อพรุ่งนี้ฝีเท้าจะก้าวไกล ลบเสียงไห้หวนสะอื้นแห่งคืนวาน/
Back to Previous Page