กำลังยืนอยู่ระหว่างทางสองแพร่ง ร้อนด้วยแรงอาลัยถ่านไฟเก่า ไฟซึ่งเคยดับได้ด้วยปลายเท้า โชนเชื้อเร้าอีกแล้วกลางแววตา เพราะเทวีสีทองของความหลัง จุดไฟหวังครั้งใหม่ให้ฝันหา จึงกระพือเพลิงโชนฉาบโพ้นฟ้า ด้วยความว้าเหว่เท่าที่เราครอง ไฟคิดถึงอาวรณ์อันอ่อนไหว เริ่มลุกไหม้ขึ้นมาเหนือฟ้าหมอง หวนอาลัยความหลังอันรังรอง รอละอองเสน่หาจากตาดาว แต่รอยยิ้มจากเทวีในที่มืด ช่างจืดชืดปานจะเหน็บให้เจ็บหนาว ยิ้มนั้นฝากจากฝันอันยืนยาว หรือจากคาวความแค้นซึ่งแน่นทรวง อยากจะเมินดอกไม้จากชายป่า ลืมแววตารอยยิ้มจากริมสรวง แต่ไฟแรงแห่งรักคอยทักท้วง จึงเหนี่ยวหน่วงไฟหวังรั้งรอมา กำลังยืนอยู่ระหว่างทางสองแพร่ง ร้อนด้วยแรงอาลัยร่ำไห้หา ถ้าไฟรักดับแล้วในแววตา เทวีอย่ายิ้มเย้าหยันเราเลย/ "วอนเทวี"
รักจะจริงหรือหลอก ใครก็บอกได้ว่าจริง แล้วหลอกเล่นเหมือนลิง รักไม่จริงคล้ายลิงลม ไม่รักก็บอกรัก เพราะสมัครอยากจักชม ล่อลวงด้วยคารม คำว่ารักอันเลื่อนลอย กี่คนที่หลงคำ กี่คืนค่ำที่หลงคอย คำลวงยังซ้ำรอย และหลอกคนให้หลงคำ รักแท้ถ้าดูที่ ท่วงท่าทีการกระทำ นักรักคงร่ายรำ ด้วยทีท่าไร้เทียมทาน จะดูได้จากใด ว่ารักไหนคือรักนาน คำตอบก็คือกาล- (ะ)เวลาอย่าสงสัย รักหลอกย่อมโรยร่วง เมื่อคำลวงไร้ดวงใจ รักแท้ย่อมเป็นไท และสืบทอดอุดมการ อุดมการแห่งรัก แจ้งประจักษ์เป็นหลักฐาน กล้าท้าและกล้าทาน ภารกิจที่ติดมา ป่วยการที่จะกล่าว เชิญเจ้าสาวผู้โสภา ร่วมพิธีวิวาห์ กันยายนนะคนดี
อิทธิพลล้นหลามแห่งความรัก วัฏจักรหัวใจอันไหวหวาน ความปราโมทย์โลดดิ้นในวิญญาณ ความต้องการซึ่งไม่มีใดแทน ความคิดถึงซึ้งทรวงซึ่งหน่วงรัด รอยประหวัดในห้วงความหวงแหน ความอาวรณ์อ่อนโยนแห่งโพ้นแดน ความแร้นแค้นลำเค็ญอันเป็นไป ความไกลห่างอย่างที่ยังมีอยู่ ความหดหู่คำอ้อนอาวรณ์ไหว อุปสรรคกักกั้นกลางวันวัย ความอาลัยซาบซึ้งซึ่งตรึงตรา อิทธิพลล้นหลามแห่งความรัก วัฏจักรแห่งใจหวนไห้หา ความปราโมทย์โลดดิ้นในวิญญา คำบัญชาแห่งรักแรงผลักดัน ความงุนงงสงสัยซึ่งไม่สร่าง สิ่งบางอย่างความงามและความฝัน ความเป็นจริงสิ่งเก่าที่เหงางัน ความสัมพันธ์ลับเร้นที่เป็นไป ความใฝ่ฝันมั่นหมายที่ทายท้า ความเหว่ว้าคืนวันความหวั่นไหว ความเหงาหงอยรอยรั่วแห่งหัวใจ ความห่างไกลและผู้รอดูเธอ/ "ความห่างไกล"