ดุ ริ โ ย ท ก ---------- ริ้วลีลาน้ำเหนือเมื่อล้นหลาก ได้หว่านวากย์ดุริยะศัพท์กระแส ซอกซอนซ่านพล่านพลุ่งข้ามคุ้งแคว เป็นเพลงแพร่พลิ้วแผ่วกล่อมแนวไพร ซึ่งสัญจรอ่อนทุ้มและคลุ้มคลั่ง ฟัดฟาดฝั่งฟอนขวัญให้หวั่นไหว หฤหรรษ์หฤโหดโลดละไม ลงเซาะไซร้โตรกหินหลั่งรินโรย ตามท่วงทีทำนองไหลล่องหลั่น อาวรณ์หวั่นว้าเหว่หวนเห่โหย ทุกช่วงปีกคืนวันอันบินโบย ก็โอดโอยอุทธรณ์โลกโชคชะตา กระแสกรรมส่ำสัตว์วัฏจักร ใต้ปฏักทุกข์ทัณฑ์แห่งตัณหา ย่อมวกวนสู่ทะเลเวิ้งเวลา โดยบัญชาบุญบาปตราบนิรันดร์ จากวงจรน้ำชื้นพรมผืนหญ้า ระเหยหาหอห้วงสรวงสวรรค์ เป็นฝนฝากฟากฟ้ารินมาพลัน แล้วรวมกันเริงหลงล่องลงธาร ริ้วลีลาน้ำเหนือเมื่อล้นหลาก ก็เชี่ยวกรากไหลล้นพัดพ้นผ่าน เลื่อนลอยลับกับวลีดนตรีกาล ระหว่างวารเวลาที่มาคอย โดยอนุสรณ์ ลิ่มมณี
ส า ย น้ ำ ที่ ไ ห ล ย้ อ น --------------------- โดยริ้วรอยรื่นรมย์แห่งร่มไม้ คลอขับใบกรองกล่อมบนหย่อมหญ้า จากพลิ้วพรมลมพรูสู่ชีวา ในลีลาลางเลาและเหงางัน ซึ่งธารที่สีเขียวอันเชี่ยวกราก เริ่มลามหลากสู่ป่าโพ้นอาถรรพณ์ สะท้อนแสงแดดช่วงดวงตาวัน สานสีสันซึ่งสว่างรองทางเท้า ที่นั่นมีนิยายที่ใหม่กว่า จากดวงตาเต็มทุกข์คอยลุกเร่า ความกระหายว่ายแฝงแรงอ่อนเยาว์ รินบอกเล่าความรู้สึกให้ลึกลง โดยอารมณ์อารยะแห่งสมัย ส่งหัวใจมืดดำสู่ความหลง ด้วยเหรียญตราวีรชนรณรงค์ ที่อาจองในท่ามความเป็นตาย ลำน้ำสายอดีต รอสังคีตสันติภาพคลอขับสาย ก่อนที่วันอันระแวงแห่งนิยาย จะเริ่มร่ายลีลาโหดทารุณ ลำน้ำสายน้ำเงินเดินทางกลับ และลี้ลับในม่านหว่านกระสุน คนบาปยิ้มริมปากฝากนักบุญ รอรับทุนที่ลงในสงคราม โดย ชาติชาย อัครวิบูลย์
อั น เ ป็ น นิ รั น ด ร์ แ ห่ ง ก า ร ร อ ------------------------------- วานนี้... ฉันเคยมีเพื่อนขวัญปันใจให้ คอยอาทร รัก หวง อย่างห่วงใย ไกลกว่าไกลกว้างกว่ากว้างทางฝันเรา ท่องทะเลน้ำใจที่ใสฉ่ำ ท่องลำนำทิพย์อยู่ริมภูเขา หลับบนเมฆยามที่เป็นสีเทา ลมแผ่วเบาคือดนตรีที่กล่อมนอน วันนี้... เท่าที่มีน้ำตาไหลหยดใส่หมอน ไร้เพื่อนขวัญไร้สายตาคอยอาทร คนเก่าก่อนที่เคยมีวันนี้เลือน ท่องทะเลน้ำตาเวลาค่ำ มีเสียงร่ำร้องไห้ไว้เป็นเพื่อน ความเจ็บปวดรวดร้าวก้าวมาเยือน พร้อมกับเอื้อนขับลำนำความช้ำตรม พรุ่งนี้... คนปรานีเอื้อใจให้สุขสม อาจมาเยือนทักถามความระทม อาจพร่างพรมน้ำตาหล่นบนศพเรา เหนือสุสานวิญญาณรักจักว้าเหว่ ท่องทะเลน้ำค้างอย่างเงียบเหงา คอยเพื่อนขวัญอยู่ ณ ที่เมฆสีเทา รอคนเก่าคนหนึ่งซึ่งอาจมา โดย สุพันธ์ ธำรงสัตย์ กวีร่วมสมัยวรรณศิลป์ธรรมศาสตร์