โ ศ ล ก จ า ก ส ม ร ภู มิ ----------------------- อนุสรณ์ ลิ่มมณี ----------------------- ฝุ่นสีแดงแห้งผากตัดฉากป่า ลอยอำลาทรากศพนักรบหนุ่ม กลางพงหญ้าป่ารกคลี่ปกคลุม เมื่อร่างชุ่มโลหิตได้ปลิดปลง สงครามคืออารยะหฤโหด เปรมปราโมทย์ในท่ามความลุ่มหลง ภูมิใจกับศักดิ์ศรีที่ยิ่งยง และอาจองต่อการสังหารกัน จากที่โน่นโพ้นฟ้าภารตะ ในวาระม่านดำการห้ำหั่น ย้อมผืนฟ้าสดสวยด้วยหมอกควัน จนที่นั่นเป็นสนามแห่งความตาย ลำนำยุทธ์ดุริยางค์ครวญครางขับ กล่อมกองทัพผู้ลำพองทั้งสองฝ่าย สร้างประวัติวีรกรรมมุ่งทำลาย เพื่อความพ่ายหรือชนะซึ่งจะมี ระหว่างสันติธรรมกับอำนาจ ฝ่ายแรกอาจยับย่อยต้องถอยหนี ใครนะกล้าชำระอรรถคดี ให้พรุ่งนี้เท่านั้นคอยบัญชา แล้วลมเหนือหนาวจัดก็พัดผ่าน จากหมู่บ้านแผ่วพลิ้วกับทิวป่า หอบนิยายซี่งบังเอิญเผชิญมา รอเวลาเลือนสลายในสายลม
เพลงกล่อมจากสมรภูมิ ---------------- สุพันธ์ ธำรงสัตย์ ---------------- หลับตาเถิดคนดีอย่ามีห่วง เธอเหนื่อยมาใหญ่หลวงในช่วงก่อน ให้อ้อมหญ้าอ่อนนุ่มโอบอุ้มนอน ลบอาวรณ์ใดใดกลางใจทิ้ง ในนิมิตรนิทราเธอจะเห็น ความร่มเย็นเป็นสุขทุกทุกสิ่ง แสงสันติทอสว่างอย่างแท้จริง ใช่หยุดนิ่งสงบงันเหมือนวันนี้ หลับตาเถิดวีรชนอย่าหม่นหมอง เธอถูกต้องที่ทำมาตามหน้าที่ ถึงแม้เธอจะยังไม่เข้าใจดี ว่าเธอพลีชีพให้แก่ใครกัน ในนิมิตรนิทราเธอจะรู้ ใครยืนอยู่หลังม่านการห้ำหั่น และสงครามจะคงมีอยู่นิรันดร์ เพื่อเสริมใครคนนั้นสู่บัลลังก์ หลับตาเถิดผู้กล้าอย่าแข็งขืน ลืมเสียงปืนประกายไฟในความหลัง เสียงโห่ร้องเร้าให้ฆ่าอย่าไปฟัง หลับตาอย่างจริงจังครั้งสุดท้าย ในนิมิตรนิทราเธอจะสุข รอฟื้นลุกดูสันติผลิแสงฉาย สำหรับผู้แฝงร่างไร้ยางอาย เชื่อเถิดมันต้องตายใต้ตีนเธอ
ป่ า (ช้ า) ชี วิ ต --------------- ชาติชาย อัครวิบูลย์ --------------- สิ้นเสน่ห์เวลาแห่งป่าดิบ ซึ่งได้หยิบเชื้อไฟโชนใจฝัน คืนดาวพร้อยร้อยรับนานกัปกัลป์ ก็อาถรรพณ์ทาบเขาจนเนานิล ใบไม้เตือนสัญญาณกร้าน..ก้าวร้าว ล่องถามข่าวธารชีวิตนิจสิน ผสานคำร่ำไห้เคยได้ยิน เวียนวากย์รินด่ำลึกสำนึกชน ซึ่งมาเพรียกเรียกสั่งสองฝั่งผา เร่งลีลายากไร้ไปทุกหน ควันหมอกปืนป่ายปีนอย่างดิ้นรน ปลิดร่างหล่นแหลกราวผาร้าวไป ใบไม้เปลี่ยนสีผลัดป่าลัทธิ ซึ่งทิษฐิคงครองเสียงร้องไห้ เยือนสุสานลานหล้าล้นอาลัย พิมพ์ดอกไม้ร้อยดอกบานจดจารกรรม แผ่นดินเดือดทุกระแหง ณ แหล่งนั้น รอคืนวันโรยล้าความระห่ำ ขับผืนภพอบอุ่นคุณธรรม ปีกสีดำแห่งไพรได้ราลง หลังเหวหินวิญญูสู่ป่ากว้าง คลอเพลงครางไกลพู้นผ่านฝุ่นผง วิญญาณป่าอาฆาตเคยอาจอง ก็ยังคงเวียนรับผู้กลับคืน