------------------- ไม่มีทางออกสำหรับอุดมคติ ------------------- ชาติชาย อัครวิบูลย์ ------------------- ไกลออกมาจากอณูความรู้สึก รินส่วนลึกรอยเหน็บอันเจ็บหนาว เห็นทุ่งหญ้าดอกไม้ในดวงดาว ยังถามข่าวคนหนุ่มซึ่งชุ่มโชน อุดมคติแสนหวานเมื่อวานนี้ สู่การที่เดินทางอย่างผาดโผน จากนักบุญดุ่ยดุ่มถึงชุมโจร แล้วอ่อนโยนบ่ายเบนละเส้นทาง สัมผัสยิ้มริมสนามแห่งความโหด ซึ่งลงโทษศัตรูผู้ขัดขวาง ให้เสียงปืนแผดปะทุดุริยางค์ แหวกช่องว่างเลือดเนื้อแทนเชื้อพลี แต่ละนัดคือการเจียดเกียรติยศ แต่ละหยดเลือดทะลักมอบศักดิ์ศรี แต่ละชีพปลิดปลงส่งความดี แลกเหรียญวีรกรรมด้วยน้ำตา แล้วเส้นทางก็บรรลุถึงสุสาน อยู่กับการพยาบาทอาฆาตฆ่า อุดมคติแหลกยับกับเวลา แขนเคยกล้ากลับรอนอ่อนกำลัง เกียรติภูมิหล่นหายกับสายเลือด ซึ่งแห้งเหือดจมดินจนสิ้นหวัง จากอ้อมเปลสู่เมรุที่ผุพัง ไร้ทิศสั่งคำบอกให้ออกเดิน/
-------------- เ ง า -------------- สุรศักดิ์ บุญประกอบ -------------- ความลับหลังบังตาบานหน้าต่าง คือทิศทางทำเลเทวสถาน เยี่ยมสายตามาเยือนยังเรือนชาน โดยอาการของบุรุษที่สุดรัก หากพรมแดนแผ่นดินแห่งสินสอด คือจุดยอดจะยังให้ตั้งหลัก หรือสาสมล้มพับลงหลับพัก ที่กับดักรายดกรกทางเดิน ความคิดเห็นให้แก่ตัวชั่วชีวิต เมาจริตละเมอเสียเย้อเยิ่น ความงามอย่างนางเงือกในเหยือกเงิน ทิ่มสะเทิ้นศรัทธาทุกคราไป เธออาจจะประทับรับคำร้อง โดยไม่ต้องรังเกียจเสนียดไพร่ หลงลัทธิวิปริตสนิทใจ ด้วยเกิดในเคหาเนื้อนาบุญ รอจะร้อยสร้อยมุกสุกเศวต เอกเทศโลกทัศน์ท่ามฝัดฝุ่น เท่าทาสรักจักกล้าสมาทุน เถลิงคุณกับฝันอันดักดาย ความลับหลังบังตาบานหน้าต่าง คือทิศทางที่ทอดตาสอดส่าย เลาะลายแทงแห่งรักสลักลาย ประสาชายซึ่งไม่มีภาษีนัก/
--------------- ความหลังซึ่งร้างโรย --------------- ไพศาล หาญบุญตรง --------------- บทกวีในแววตาแก้วไหว ละห้อยไห้แกมหวงแกมห่วงหา เจ็บใจตนเจียนตาโอ้สายตา รับรู้แล้วแก้วลาอย่างอาลัย เพราะแก้วลืมความหลังเมื่อครั้งรัก ลืมทุกวรรคแห่งกวีที่แว่วไหว ความรักจึงจืดจางจากกลางใจ แก้วจากไกลให้กล้ำระกำกลืน โอ้รักเอ๋ยอวลไออยู่ในอก หวาดวิตกทั้งหลับตาและคราตื่น เมื่อแก้วเคว้งคว้างขวัญทุกวันคืน ไอรักชื่นคงชืดชาเพราะว่าช้ำ ความหนาวเหน็บหนักหน่วงในทรวงนี้ เป็นเหมือนหนี้ซึ่งเหน็บให้เจ็บหนำ แต่เนิ่นนานแน่แน่วแผ่วลำนำ และเรียกน้ำตานี้ให้ปรี่นอง และทั้งทั้งทุกข์ทนเสียจนท้อ แก้วก็ล่อใจเริงเหลิงลอยล่อง เพิ่มไฟรักรำไรให้เรืองรอง เพื่อมอดกองเมื่อแก้วมาแคล้วกัน บทกวีในแววตาแก้วหวาม ยังทวงถามความอาทรอ้อนอาถรรพณ์ แอบว้าเหว่อ้างว้างมิว่างวัน หัวใจนั้นถูกน้าวให้หนาวนาน/
(กลอนชิ้นนี้มิใช่กลอนธรรมดา แต่เป็นกลอนกลบท 3-5-8 กล่าวคือ คำที่ 3 คำที่ 5 และ คำที่ 8 ของแต่ละวรรค จะสัมผัสอักษรกัน)